ค่า Conductivity หรือ ค่าการนำไฟฟ้า ของน้ำในระบบ Cooling Tower คือค่าที่ใช้วัดปริมาณของ ไอออนที่ละลายอยู่ในน้ำ เช่น แคลเซียม (Ca²⁺), แมกนีเซียม (Mg²⁺), โซเดียม (Na⁺), คลอไรด์ (Cl⁻), ซัลเฟต (SO₄²⁻) และสารละลายอื่นๆ ที่เกิดจากการใช้น้ำหมุนเวียนในระบบ
ค่าดังกล่าวเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญมากในการ ดูแลรักษาระบบระบายความร้อน (Cooling Tower) เพราะมันมีผลโดยตรงต่อการทำงานของระบบ และต้นทุนการดูแลระยะยาว
เมื่อน้ำในระบบ Cooling Tower ระเหยออก ไอออนที่ละลายอยู่ในน้ำจะ ไม่ระเหยไปด้วย ทำให้เกิดการสะสมของเกลือแร่ และสารละลายต่างๆ ในปริมาณที่สูงขึ้น หากไม่ได้รับการควบคุม อาจส่งผลเสียดังนี้:
เกลือแร่ เช่น แคลเซียมและแมกนีเซียม จะตกผลึกเมื่อความเข้มข้นสูงเกินไป
ตะกรันเกาะตามท่อแลกเปลี่ยนความร้อน ทำให้ ประสิทธิภาพลดลง และอาจ อุดตันท่อหรืออุปกรณ์ ต่างๆ ได้
ไอออนบางชนิด เช่น คลอไรด์ และซัลเฟต มีฤทธิ์กัดกร่อนโลหะ
ทำให้เกิดสนิม หรือรูพรุนในวัสดุโลหะของระบบ ซึ่งจะ ทำให้อายุการใช้งานของอุปกรณ์สั้นลง
น้ำที่มีแร่ธาตุหรือสารอินทรีย์สะสมมาก อาจเป็นอาหารให้กับแบคทีเรีย รา และตะไคร่น้ำ
ส่งผลให้เกิด ปัญหาด้านสุขอนามัย และ อุดตันในระบบ
ไม่มีค่ากลางที่ "ตายตัว" สำหรับทุกระบบ เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น:
คุณภาพของน้ำดิบที่ใช้เติมระบบ
วัสดุที่ใช้ใน Cooling Tower
การออกแบบระบบและการควบคุมเคมี
แต่โดยทั่วไป ระบบจะมีการตั้ง ค่า Conductivity สูงสุด (Maximum Allowable Conductivity) ที่ยอมรับได้ เช่น 1,500 – 3,000 µS/cm (ไมโครซีเมนส์ต่อเซนติเมตร) แล้วตั้งให้ระบบ Blowdown (ระบายน้ำ) อัตโนมัติเมื่อเกินค่าดังกล่าว
ควบคุมคุณภาพน้ำป้อนเข้าสู่ระบบ
อาจใช้ระบบกรอง หรือน้ำที่มีความบริสุทธิ์สูง (เช่น Softener หรือ RO)
ใช้สารเคมีปรับสภาพน้ำ
เช่น Scale Inhibitor, Corrosion Inhibitor, Biocide เป็นต้น
ติดตั้งระบบ Blowdown อัตโนมัติ
เพื่อลดความเข้มข้นของไอออนในระบบโดยการระบายน้ำออกบางส่วน
ตรวจวัดค่า Conductivity อย่างสม่ำเสมอ
ใช้เครื่องวัดแบบปากกาหรือหัววัดต่อเนื่องในระบบ
แนะนำให้ใช้แบรนด์ที่ได้มาตรฐาน เช่น Horiba, Hanna Instruments เพื่อความแม่นยำ
ค่า Conductivity เป็นตัวชี้วัดที่ไม่ควรมองข้ามในระบบ Cooling Tower เพราะมันสัมพันธ์กับทั้งการเกิดตะกรัน การกัดกร่อน และการปนเปื้อนจากจุลินทรีย์
การควบคุมค่านี้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้: